ข้าวไรซ์เบอร์รี่เป็นข้าวที่ได้รับความนิยมและมีความโดดเด่นในด้านคุณค่าทางโภชนาการเป็นหลัก มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง มีค่าดัชนีน้ำตาลปานกลาง และยังคงให้ความนุ่มนวลกับรสสัมผัสเมื่อรับประทานที่เป็นเอกลักษณ์ ราคาที่ค่อนข้างสูงของข้าวไรซ์เบอร์รี่นั่นเป็นผลมาจากปริมาณการปลูกกับความต้องการไม่สอดคล้องกันรวมทั้งวิธีการปลูกที่ต้องใช้ความพิถีพิถันมากกว่าข้าวพันธุ์อื่น
แต่เมื่อข้าวชนิดนี้ได้รับความนิยมมากขึ้นในตลาดก็เปิดโอกาสทำให้มีคนบางกลุ่มหาโอกาสน้ำข้าวเจ้าสีม่วงดำที่มีอยู่ในประเทศมาผสมกับข้าวไรซ์เบอร์รี่ ซึ่งก็มี ข้าวเจ้าหอมนิล (พันธุ์พ่อของ riceberry), ข้าวหอมมะลิดำ, ข้าวหอมสุโขทัย 1 & 2 ซึ่งข้าวทุกตัวนี้เมื่อเป็นข้าวกล้องจะมีสีคล้ายคลึงกับไรซ์เบอร์รี่พันธุ์แท้ แต่ถ้าหุงให้สุกแล้วก็จะพบว่ามีความแข็งกระดากลิ้นกว่าไรซ์เบอร์รี่พันธู์แท้
ดังนั้นเราจึงแนะนำวิธีการง่าย ๆ เพื่อให้ท่านลองนำไปใช้ในแนวทางก่อนการตัดสินใจเลือกซื้อข้าวไรซ์เบอร์รี่ในครั้งต่อไป
สีของข้าว - ตามปกติข้าวไรซ์เบอร์รี่จะทำการปลูกช่วงนาปี เนื่องจากอากาศเย็นก่อนเก็บเกี่ยวจะทำให้ข้าวมีสีม่วงเข้มและมีผลต่อคุณค่าทางโภชนาการของข้าว แต่ทั้งนี้นอกจากอุณหภูมิแล้วก็ยังมีสภาพดินและการดูแลเอาใจใส่ที่มีผล ดังนั้นเราจึงแนะนำให้เลือกข้าวที่มีสีม่วงหรือออกน้ำตาลแดงเข้มแล้วแต่แหล่งที่มา
ความนุ่มของข้าว - ในบรรดาข้าวกล้องสีดำที่มีในประเทศไทย ข้าวไรซ์เบอร์รี่จัดได้ว่าเป็นพันธุ์ที่หอมนุ่มมากที่สุดเมื่อหุงสุก เพราะมีต้นพันธุ์มาจากหอมมะลิ 105 ดังนั้นเมื่อหุงแล้วมีความแข็งแห้งกระด้างเราก็อาจจะเริ่มส่งสัยได้ว่าไม่ใช่ข้าวไรซ์เบอร์รี่พันธุ์แท้ หรือมีการปน
อย่างไรก็ตามนอกจากวิธีทำสุกที่เราทำได้เองแล้ว เราแทบไม่สามารถแยกแยะพันธุ์ได้เลยนอกจากทำการทดสอบในห้องปฏิบัติการเพื่อหาค่า DNA ของข้าวเท่านั้น เราจึงแนะนำผู้บริโภคให้เลือกซื้อข้าวไรซ์เบอร์รี่จากแหล่งที่เชื่อถือและไว้ใจได้เท่านั้น