หลายคนที่ศึกษาหาข้อมูลเรื่องข้าวก่อนเลือกซื้อมารับประทานก็ย่อมจะรู้กันอยู่แล้วว่าหลักใหญ่ๆ ในการเลือกข้าวที่อร่อยถูกรสนิยมคนไทย (ส่วนใหญ่) คือการเลืิอกข้าวที่อ่อนนุ่มเหนียวอร่อย ทั้งนี้ก็มีข้อมูลเบื้องต้นบางตัวที่เราสามารถใช้พิจารณาได้
อันดับที่ 1 ก็คือปริมาณอะไมโลส (Amylose) ที่มีอยู่ในข้าวแต่ละชนิดซึ่งในข้าวเจ้าจะมีปริมาณอะไมโลสตั้งแต่ 9-33% ส่วนในประเภทข้าวเหนียวจะมีปริมาณอะไมโลส 5-7% จากตัวเลขก็พอจะเดากันออกแล้วว่าถ้าค่าอะไมโลสต่ำแสดงถึงความนุ่มของข้าว และหากค่าอะไมโลสสูงก็จะมีลักษณะร่วนแข็ง เพราะง่าย ๆ สั้น ๆ อะไมโลสก็คือแป้งหรือคาร์โบไฮเดรตในข้าวนั่นเอง
ต่อเนื่องจากปริมาณแป้งก็จะต่อยอดมาถึงข้อมูลสำคัญอันดับที่ 2 และ 3 นั่นก็คือปริมาณน้ำตาลในข้าวด้วย
ซึ่งจากการศึกษาคร่าว ๆ ก็มีความเชื่อว่าการบริโภคข้าวที่มีค่า RAG ต่ำจะส่งผลดีต่อผู้บริโภคเพราะคาร์โบไฮเดรตในข้าวจะถูกย่อยและดูดซึมช้าๆ จึงช่วยรักษาระดับน้ำตาลและทำให้ร่างกายไม่รู้สึกหิวเร็ว
นอกจากเราจะเลือกข้าวที่รับประทานอร่อยอีกสิ่งที่เราไม่ควรละเลยคือคุณสมบัติหรือคุณประโยชน์ของข้าวแต่ละคำที่เราทาน โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ต้องการรักษาสุขภาพหรือป่วยต้องการควบคุมอาหาร ด้านล่างนี่คือข้อมูลเปรียบเทียบระหว่างข้าวหอมที่มีอยู่ในตลาดแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องแล้วแต่ความชอบความจำเป็นของแต่ละคน เลือกกันตามทางสายกลางนะครับ
|
ข้าวหอมอ่อนหวาน (กข 43) |
ข้าวหอมมะลิ |
ข้าวหอมปทุมฯ |
|
RAG (g/100g) กลูโคสแตกตัวเร็ว |
24.21 |
27.36 |
29.21 |
|
SAG (g/100g) กลูโคสแตกตัวช้า |
6.07 |
8.04 |
6.87 |
|
Amylose |
18.82% |
12-17% |
15-19% |
|
ข้อมูล: |
|
|||
กองวิจัยและพัฒนาข้าว กรมการข้าว, บ.ไทยออร์คิดส์ แล็บ จำกัด |
http://www.kasetporpeang.com/forums/index.php?topic=7437.0;wap2